Health

  • 5 โรคร้ายที่เกิดจากฝุ่น PM 205
    5 โรคร้ายที่เกิดจากฝุ่น PM 205

    หลายคนอาจกังวลกับสถานการณ์โรคระบาดที่ผ่านมาและยังคงดำเนินอยู่ แต่อีกปัญหาสุขภาพที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม คือปริมาณฝุ่น PM 2.5 ที่กลับมามีปริมาณเกินค่ามาตรฐาน คุณภาพอากาศอยู่ในระดับคุณภาพปานกลางถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยตรวจวัดฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) เกินมาตรฐานทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงภาคเหนือ (ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพสะสมในระยะยาว หากได้รับอย่างต่อเนื่อง)
    ปัจจัยที่ทำให้ PM 2.5 ยังคงเป็นปัญหาในปัจจุบัน คือ ยังคงมีแหล่งสร้างมลพิษทางอากาศซึ่งเรายังไม่สามารถควบคุมให้ปริมาณมลพิษทางอากาศจากแหล่งที่มาเหล่านี้ลดลงได้ รวมถึงสภาพความกดอากาศต่ำ ทำให้การเคลื่อนย้ายของฝุ่นมลภาวะทางอากาศไม่ถ่ายเทออกไปโดยง่าย

    ความรุนแรงของ PM 2.5 สามารถแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย และทำลายระบบอวัยวะต่างๆ ทำให้เกิดโรคเรื้อรังและมะเร็ง และสามารถก่อให้เกิดโรคอะไรบ้าง

    1. โรคระบบทางเดินหายใจ
    ทำให้ปอดเกิดการอักเสบ ระคายเคือง และเป็นโรคระบบทางเดินหายใจได้
    2. โรคถุงลมโป่งพอง
    อาจทำให้เกิดมะเร็งปอด (แม้ไม่ได้สูบบุหรี่)
    3. โรคผิวหนัง
    ทำให้ผิวหนังอักเสบ และเป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
    4. โรคหัวใจและหลอดเลือด
    การสูดฝุ่นเข้าไปมากๆ ทำให้เลือดข้นได้ และทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น
    5. โรคเยื่อบุตาอักเสบ
    ทำให้ระคายเคือง อักเสบ ตาแห้ง ตาแดง แสบตา คันตา

    การป้องกันและดูแลสุขภาพจากฝุ่น PM 2.5
    – สวมหน้ากากที่มีคุณภาพ ป้องกันฝุ่น PM 2.5
    – นอนหลับให้เพียงพอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
    – งดกิจกรรมกลางแจ้ง
    – เปิดเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรองที่มีคุณสมบัติในการกรองฝุ่น PM 2.5
    – หากเกิดความผิดปกติกับร่างกาย ควรพบแพทย์
    – ติดตามการเฝ้าระวังดัชนีคุณภาพอากาศ

     

    ติดตามเรื่องราวดีๆ ที่ bazarop.com

Economy

  • เลือกตั้งเงินสะพัดเข้าระบบแสนล้าน
    เลือกตั้งเงินสะพัดเข้าระบบแสนล้าน

    เลือกตั้งเงินสะพัดเข้าระบบแสนล้าน

    นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษา ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า ในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.66 ประเมินว่า จะมีเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจสูงถึง 20,000-30,000 ล้านบาท

    จากภาพรวมที่เคยประเมินว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจทั้งหมด 50,000-60,000 ล้านบาท และเมื่อเกิดการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจะทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบประมาณ 100,000 ล้านบาท ซึ่งมีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยแน่นอน

    เลือกตั้งเงินสะพัดเข้าระบบแสนล้าน

    “ศูนย์พยากรณ์ฯ ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวได้ 3.0-3.5% และเริ่มมองเห็นโอกาสที่จะขยายตัวมากกว่า 3.5% ได้ หากเศรษฐกิจโลกไม่ชะลอตัวรุนแรง จะทำให้การส่งออกของไทยฟื้นตัวดีขึ้น รวมถึงการเมืองต้องมีเสถียรภาพ ถ้ารัฐบาลใหม่ไม่มีเสถียรภาพ เศรษฐกิจมีโอกาสขยายตัวต่ำกว่า 3% ซึ่งจะกระทบความเชื่อมั่นผู้บริโภค นักลงทุน การท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี ศูนย์จะประเมินเศรษฐกิจไทยอีกครั้งในช่วงเดือน ก.ค.นี้ หลังจัดตั้งรัฐบาลแล้ว”

    ทั้งนี้ ประเมินว่าการจัดตั้งรัฐบาลจนถึงแถลงนโยบายจะชัดเจนในช่วงเดือน ก.ค.หรือเดือน ส.ค.นี้ และกว่าเม็ดเงินงบประมาณภาครัฐจะออกมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่คงอยู่ในช่วงไตรมาส 1 ปี 67

    อย่างไรก็ตาม หลังจากจัดตั้งรัฐบาลแล้ว เสถียรภาพของรัฐบาลจะเป็นตัวสำคัญในการกำหนดทิศทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ถ้ารัฐบาลมีเสถียรภาพ มีนโยบายเศรษฐกิจเป็นที่ถูกใจ ก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้อย่างเด่นชัดในไตรมาส 4 เป็นต้นไป โดยภาคเอกชนมองว่าเศรษฐกิจไทยจะโตได้ 3.35-3.82% ซึ่งอยู่ในกรอบเดียวกับที่ศูนย์ประเมินไว้ที่ 3-4% โดยภาคท่องเที่ยวจะเป็นตัวหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจ.

    ขอบคุณรูปภาพจาก : thairath.co.th

    ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath.co.th

    สามารถอัพเดตข่าวสารเรื่องราวต่างๆได้ที่ : bazarop.com